Skip to main content

รอยแตกลายเกิดจากอะไร พร้อมวิธีรักษาให้ผิวเนียนสวย

รอยแตกลายสร้างความเครียดให้กับสาว ๆ หลายคนไม่น้อย เพราะมีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกวัย ไม่เพียงแค่กับคนที่มีน้ำหนักมากหรือการตั้งครรภ์เท่านั้น ใครที่ประสบปัญหานี้อยู่วันนี้เรามีทริคป้องกันและฟื้นฟูให้รอยแตกลายจางลงมาฝาก ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับสาเหตุการเกิดรอยแตกลายเพื่อการดูแลผิวอย่างถูกต้องกันก่อนเลย

ผิวแตกลาย รอยแตกลาย คืออะไร

ผิวแตกลาย หรือ รอยแตกลาย คือรอยแผลเป็นชนิดหนึ่ง ที่เกิดจากผิวหนังยืดหรือหดตัวอย่างรวดเร็วทำให้เนื้อผิวหนังแท้ฉีดขาด มักเกิดบริเวณที่มีไขมันสะสมอยู่จำนวนมาก เช่น ต้นแขน, หน้าอก, หน้าท้อง, ต้นขา, สะโพก, และน่อง ในช่วงแรกผิวแตกลายจะมีลักษณะเป็นเส้นสีแดงหรือม่วง เมื่อเวลาผ่านไปจะลดลงเป็นสีอ่อน ๆ จนกลายเป็นสีขาว

ผิวแตกลาย รอยแตกลาย คืออะไร

  1. สรีระร่างกายที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงวัยรุ่น

  2. การเปลี่ยนแปลงน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ทำให้ผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่นและเกิด รอยแตกลาย

  3. ฮอร์โมนและการขยายตัวของผิวระหว่างการตั้งครรภ์

  4. การออกกำลังกายแบบ Weight Training ที่ใช้น้ำหนักสูงเกินไป ซึ่งอาจทำให้ผิวหนังฉีกขาด ส่งผลให้เกิดปัญหา รอยแตกลาย ได้

  5. ความผิดปกติทางพันธุกรรม เช่น โรคคุชชิ่ง (ผู้ป่วยจะอ้วนผิดปกติ) หรือโรคมาร์แฟน (ผู้ป่วยจะผอมผิดปกติ) โรคเหล่านี้อาจส่งผลให้ผิวหนังเสียหาย

  6. อายุที่เพิ่มมากขึ้น ผิวมักจะสูญเสียความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้น

  7. ไม่ดูแลผิวอย่างถูกต้อง เช่น หลังจากอาบน้ำหรือการออกกำลังกายอาจทำให้ผิวแห้งขาดน้ำ หรือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดอาการแพ้และ ผิวแตก ลายได้

ประเภทของรอยแตกลาย

  • รอยแตกลายแดง (Striae Rubra)  คือ รอยแตกลายใหม่ที่เกิดจากการยืดหดตัวของร่างกายที่เร็วเกินไป มีลักษณะนูนบาง มีสีแดง สีม่วง ไปจนถึงสีน้ำตาลเข้ม สามารถรักษาให้หายได้ง่ายกว่ารอยแตกสีขาว

    https://www.johnsonsbaby.co.th/sites/jbaby_th/files/2_17.jpg
  • รอยแตกลายขาว (Striae Alba)  คือ รอยแตกลายที่เกิดขึ้นมานานแล้วจนกลายเป็นสีขาว บ้างก็มีรอยบุ๋มลงไปบนผิวหนัง เป็นรอยแตกลายที่หายยากกว่ารอยแตกลายแดง

วิธีรักษารอยแตกลาย

1. ใช้ครีมลดรอยแตกลายอย่างสม่ำเสมอ

เลือกใช้ ครีมลดรอยแตกลาย ที่มีส่วนผสมของวิตามิน A และ E ในการช่วยสร้างเซลล์ผิวใหม่และกักเก็บความชุ่มชื้นไม่ให้ผิวแห้งกร้าน ทำให้ รอยแตกลาย จางลง

2. บำรุงผิวไม่ให้ขาดชุ่มชื้น

หมั่นบำรุงผิวด้วยจอห์นสัน มิลค์ + ไรซ์ เบบี้ โลชั่น ที่ผสานคุณค่าน้ำนมธรรมชาติเข้มข้นขึ้น 100%* และสารสกัดจากข้าว ช่วยบำรุงและปกป้องผิว ชุ่มชื้นยาวนาน 24 ชั่วโมง* นอกจากนี้ยังอ่อนโยนต่อทุกสภาพผิว ใช้ได้แม้ผิวบอบบางแพ้ง่าย

*ผลทดสอบทางคลินิค ในผู้ทดสอบ 40 คน โดย CyberDERM Clinical Studies เดือน มี.ค.- เม.ย. 2560 ประเทศสหรัฐอเมริกา ทดสอบในโลชั่น

3. สครับผิวให้เนียนนุ่ม

การสครับผิวทำให้เซลล์ผิวเก่าที่เสียหายถูกขจัดออกไปและเกิดเป็นเซลล์ผิวใหม่ที่มีความยืดหยุ่น พร้อมรับการบำรุงในขั้นต่อไป โดยควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรด AHA, BHA และวิตามิน C เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการลด รอยแตกลาย และบำรุงผิวให้ดูนุ่มเรียบเนียน

4. เลเซอร์รอยแตกลาย

การเลเซอร์ช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อผิวใหม่ ฟื้นฟูผิว ลดความเข้มของรอยแตกลายได้อย่างรวดเร็ว ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินสภาพผิวรอยแตกลายและความเหมาะสมในการใช้เลเซอร์ หลังทำควรฟื้นฟูผิวด้วยครีมที่มีวิตามิน C หรือ E และหลีกเลี่ยงแสงแดดที่อาจก่อให้เกิดรอยแตกลายใหม่ได้

5. ทำ Carboxytherapy

Carboxytherapy คือการฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Dioxide) ที่เป็นส่วนผสมหลักลงในชั้นใต้ผิวหนัง เพื่อช่วยทำลายเซลล์ไขมันเฉพาะจุด นอกจากนี้ยังเสริมสร้างคอลลาเจนและกระตุ้นการหมุนเวียนเลือด ทำให้รอยแตกลายลดลง สีผิวดูสม่ำเสมอมากขึ้น

วิธีป้องกันรอยแตกลาย

1.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอกจากช่วยให้สุขภาพดีแล้วยังเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิวหนังและเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดทำให้ผิวดูเนียนใส

2.ดื่มน้ำให้เพียงพอและทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อผิว เช่น อาหารที่มีวิตามิน C ซึ่งช่วยในกระบวนการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวแข็งแรงและช่วยรักษาความชุ่มชื้น

3.ดูแลผิวหลังอาบน้ำอย่างถูกวิธี เพราะหลังอาบน้ำเป็นช่วงที่ผิวแห้งและขาดน้ำที่สุด ควรทาจอห์นสัน เบบี้ ออยล์ สีชมพู หลังอาบน้ำทันทีขณะที่ตัวยังเปียกอยู่ เพื่อช่วยให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้นได้นานขึ้น จากนั้นจึงบำรุงต่อด้วยโลชั่นจอห์นสันเบบี้ เพื่อปกป้องให้ผิวชุ่มชื้นตลอด 24 ชม.

*ผลการทดสอบทางคลินิค ในผู้ทดสอบ 40 คน โดย CyberDERM Clinical Studies ประเทศสหรัฐอเมริกา เดือน มี.ค.-เม.ย. 2560

4.ควบคุมการทานอาหารให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักตัวอย่างรวดเร็วที่อาจมีผลกระทบต่อผิวได้

5.หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีสารสเตียรอยด์ เพราะสารนี้จะไปทำลายเซลล์ในผิวหนังให้แตกตัวและทำลายโครงสร้างของเซลล์ผิว ทำให้ผิวบาง เส้นเลือดแตกง่าย ส่งผลให้อาจเกิดผิวแตกลายได้

6.คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ควรรับประทานอาหารที่มีสารอาหารสำคัญ เช่น ผัก ผลไม้ โปรตีน และวิตามิน เพื่อสุขภาพที่ดีและเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ผิว และควบคุมน้ำหนักให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่คุณหมอแนะนำเพื่อไม่ให้ผิวหนังยืดขยายเร็วเกินไปซึ่งอาจส่งผลต่อการเกิดผิวแตกลาย

การป้องกันและรักษารอยแตกลายในผิว ควรดูแลผิวจากทั้งภายในและภายนอก โดยรับประทานอาหารที่มีสารอาหารเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิว และใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีคุณสมบัติเด่นเรื่องความชุ่มชื้นนอกจากนี้ควรปกป้องผิวจากแสงแดด เพื่อให้ผิวกลับมาเรียบเนียนไม่เกิดเป็นรอยแตกลายใหม่ได้อีก

ใครที่มีโอกาสเป็นรอยแตกลาย?

A: ทุกคนมีโอกาสเกิดรอยแตกลายได้ เพราะรอยแตกลายเกิดจากการยืดหยุ่นของผิวที่เกิดความตึงตัวเกินกว่าที่ผิวสามารถรับได้ ส่วนมากเกิดในผู้ที่มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหรือตั้งครรภ์ รวมถึงคนที่มีภูมิคุ้มกันของผิวอ่อนแอ ผิวขาดความชุ่มชื่น ควรรักษาผิวให้คงความชุ่มชื่นและเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิวเพื่อลดโอกาสเกิดรอยแตกลาย

รอยแตกลายสามารถหายขาดได้ไหม

A: การดูแลผิวอย่างใกล้ชิดโดยใช้ครีมบำรุงผิวและการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิว อาจช่วยบรรเทาให้รอยแตกลายลดลงและเนียนขึ้น แต่ไม่สามารถหายขาดได้ อย่างไรก็ตามควรระมัดระวังและป้องกันไม่ให้เกิดรอยแตกลายใหม่ในสภาพที่ผิวยืดหยุ่นมาก