สาเหตุของโรคผิวอักเสบ วิธีดูแลรักษาและป้องกัน
ผิวหนังอักเสบ (Dermatitis) เป็นภาวะอักเสบของผิวหนังที่เกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุและหลายรูปแบบ ส่วนมากมักมีผื่นคัน บวม หรือแดงตามผิวหนัง สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่บนร่างกาย รวมทั้งหนังศีรษะด้วย ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดจากปัจจัยภายใน แต่ก็อาจเกิดจากปัจจัยภายนอกได้เช่นกัน เราจึงควรทำความเข้าใจสาเหตุ วิธีดูแลรักษาและป้องกันควบคู่กันไปด้วย
ประเภทของโรคผิวหนังอักเสบ
โรคผื่นผิวหนังอักเสบ (Atopic Dermatitis or eczema)
เป็นโรคที่มีการอักเสบของผิวหนังอย่างเรื้อรัง อาจเป็น ๆ หาย ๆ โดยโรคนี้พบได้บ่อยในเด็ก แต่สามารถพบในผู้ใหญ่ได้เช่นกัน มีอาการผิวหนังแห้งอักเสบ และมีอาการคัน ซึ่งมักคันตลอดเวลา โดยเฉพาะเวลากลางคืน นอกจากนี้อาจเกิดเป็นตุ่มน้ำ ตุ่มหนอง อาจมีน้ำเหลืองไหลร่วมด้วย
โรคผื่นต่อมไขมันอักเสบ (Seborrheic dermatitis)
เป็นปัญหาผิวเรื้อรัง อาการแสดงอาจพบเป็นรังแค โดยมากกว่า 50% ในผู้ใหญ่มักพบปัญหารังแค ขุยแห้งสีเหลืองบริเวณหนังศรีษะ นอกจากนั้นอาการเป็นขุยสีเหลืองยังพบได้ในบริเวณอื่น โดยเฉพาะบริเวณที่มีต่อมไขมันเป็นจำนวนมาก เช่น ใบหน้า คิ้ว รอบดวงตา หู จมูก แก้ม
โรคผื่นแพ้สัมผัส (Contact dermatitis)
โรคผื่นระคายสัมผัส คือ อาการผื่นแดงบนผิวหนังที่มักทำให้รู้สึกคันและไม่สบายตัว โดยมักเกิดหลังจากผิวหนังสัมผัสสารก่อภูมิแพ้หรือสารบางอย่างที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ในกรณีที่ผิวหนังชั้นนอกถูกทำลายอาจทำให้เกิดอาการผื่นคันขึ้นได้ง่ายขึ้น
โรคผื่นผิวหนังอักเสบ คือ
โรคผื่นผิวหนังอักเสบ (Atopic Dermatitis) มักจะเริ่มเป็นได้ตั้งแต่อยู่ในวัยทารก โดยส่วนใหญ่มีอาการผื่นคันและแดงตามผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณข้อพับแขน ข้อพับขา และลำคอด้านหน้า หากเกามาก ๆ อาจมีหนองไหลหรือเกิดเป็นสะเก็ดหนองตามมาได้ ซึ่งผู้ที่ป่วยด้วยโรคนี้อาจมีอาการดีขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ แต่ก็อาจกลับไปเป็นอีกได้เรื่อย ๆ
สาเหตุของโรคผื่นผิวหนังอักเสบ
เกิดจากสภาพแวดล้อมทั้งภายนอกและภายใน เช่น อาการผิวแห้ง พันธุกรรม ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน แบคทีเรียบนผิวหนัง และสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยก็เป็นสาเหตุได้
เชื้อโรค เช่น เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ที่ทำให้เกิดการติดเชื้อบนผิวหนัง หรือผู้ที่เป็นผิวหนังอักเสบเดิมอาจจะมีอาการรุนแรงมากขึ้น
ผื่นระคาย มีสาเหตุเกิดจากการที่ผิวหนังสัมผัสกับสารก่อความระคายเคืองหรือสารก่อภูมิแพ้ชนิดใดชนิดหนึ่ง เช่น โลหะบางชนิด ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด น้ำหอม ยาย้อมผม เครื่องสำอาง หรือครีมบำรุงผิวต่าง ๆ
สำหรับภาวะผิวหนังอักเสบจากโรคเซบเดิร์ม อาจเกิดจากการติดเชื้อราซึ่งอาศัยอยู่ในน้ำมันตามผิวหนัง โดยเฉพาะบนหนังศีรษะและใบหน้า ผู้ป่วยอาจเป็นเฉพาะบางช่วงฤดูเท่านั้น และเมื่อหายแล้วก็อาจกลับไปเป็นอีกได้เมื่อฤดูนั้นมาถึง
ลักษณะอาการของโรคผื่นผิวหนังอักเสบ
เกิดผื่นแดงตามข้อพับ เช่น ข้อพับแขน ข้อพับขา คอ รักแร้ ขาหนีบ ร่องก้น เป็นอาการผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง ที่มักเกิดในช่วงวัยของทารก
เกิดผื่นหรือตุ่มคันตามแขน ขา ทั้ง 2 ข้าง หรือลำตัว ซึ่งมีสาเหตุมาจากการสัมผัส เป็นผื่นระคายเคืองจากการสัมผัสโดนสารก่อภูมิแพ้ เช่น ครีมอาบน้ำ ผงซักฟอก ขนสัตว์ เกสรดอกไม้
มีผื่นขึ้นเป็นดวงหรือวงสีขาว บริเวณใบหน้า หรือแขนขา
ผิวหนังเป็นแผ่นตกสะเก็ดและมีอาการแดง หากเป็นที่ศีรษะจะเกิดเป็นรังแคเรื้อรัง โดยมักเป็นตามผิวหนังที่มีความมัน เช่น ใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณเปลือกตาและจมูก หน้าอกส่วนบน และหลัง อาจเป็นที่มาของโรคเซบเดิร์ม ซึ่งจะเป็น ๆ หาย ๆ
ผื่นคันแดง หรือสีน้ำตาลบริเวณข้อศอก นอกจากนี้ ผื่นแดงลอกเป็นสะเก็ดที่นิ้วมือ นิ้วเท้า ฝ่ามือหรือ ฝ่าเท้า รวมถึงริมฝีปากแดง แห้งลอก เป็นต้น
นอกจากอาการผิวหนังอักเสบข้างต้นแล้ว จะต้องสังเกตอาการอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น รู้สึกเจ็บที่ผิวหนัง หรือมีอาการคันรบกวนจนทำให้นอนไม่หลับ เกิดตุ่มหนองบนแผ่นผิวหนังที่มีอาการอักเสบ อาจแสดงถึงการติดเชื้อแบคทีเรีย ควรรีบไปปรึกษาแพทย์
วิธีรักษาโรคผิวหนังอักเสบ
1.หลีกเลี่ยงตัวกระตุ้นที่ทำให้ผื่นกำเริบ ได้แก่
หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่น ควัน ไรฝุ่น ขนสัตว์ ละอองเกสรต่าง ๆ
หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีอากาศร้อนจัด หรือ หนาวจัด
หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ หรือ การสัมผัสสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น สบู่ ผงซักฟอก น้ำยาทำความสะอาด สารเคมี
หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าเนื้อหยาบ ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง
หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ได้บ่อย เช่น ไข่ นมวัว แป้งสาลี อาหารทะเล ในผู้ป่วยที่ได้รับการตรวจยืนยันว่าแพ้อาหารชนิดนั้นแล้วจริง ๆ
2.อาบน้ำด้วยสบู่ที่เหมาะกับผิวบอบบาง มีแนวโน้มระคายเคืองง่าย อย่าง จอห์นสัน มิลค์ + ไรซ์ เบบี้ บาธ ที่ผสานคุณค่าน้ำนมธรรมชาติเข้มข้นขึ้นถึง 100%* และสารสกัดจากข้าว มีค่า pH ที่เหมาะกับผิว ผ่านการทดสอบการระคายเคือง (hypoallergenic tested) เหมาะสำหรับผิวบอบบาง แพ้ง่ายโดยเฉพาะ
1.ทาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เพิ่มความชุ่มชื้นผิวหนัง (Moisturizer) อย่างสม่ำเสมอ เช่น เบบี้ออยล์ ที่ช่วยเก็บกักความชุ่มชื้นให้ผิว หรือ ทาโลชั่นทาผิวสูตรอ่อนโยน อย่าง จอห์นสัน คอตตอนทัช เฟซ แอนด์ บอดี้ โลชั่น ผสานคุณค่าฝ้ายจากธรรมชาติ 100% ช่วยเสริมเกราะปกป้องความชุ่มชื้นผิวใน 4 สัปดาห์* ไม่ให้ผิวหนังที่อ่อนแอเกิดการระคายเคืองมากขึ้น เหมาะกับผิวบอบบางระคายเคืองง่าย โดยหมั่นบำรุงผิวหลังอาบน้ำเป็นประจำวันละ 2 ครั้ง เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นของผิวได้มากที่สุด *ผิวที่อาจมีแนวโน้มแพ้ง่ายเนื่องจากผิวแห้ง
3.พักผ่อนให้เพียงพอ เนื่องจากความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ อาจทำให้ผื่นกำเริบได้
4.รักษาด้วยยาตามคำแนะนำของแพทย์
4.1 ยาต้านการอักเสบที่ออกฤทธิ์เฉพาะที่ (Topical anti-inflammatory drugs) เช่น ยาทากลุ่มสเตียรอยด์ จะช่วยลดการอักเสบ และอาการคัน หรือ ยาทากลุ่ม Calcineurin inhibitors พบว่ามีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ใช้เป็นยาทางเลือกในการรักษาทดแทนยาทากลุ่มสเตียรอยด์
4.2 ยาต้านการอักเสบที่ออกฤทธิ์ทั่วร่างกาย (Systemic anti-inflammatory drugs) เช่น ยาสเตียรอยด์ชนิดฉีดหรือรับประทาน และยากดภูมิคุ้มกัน มักใช้ในกรณีที่มีอาการรุนแรงมากและไม่ตอบสนองต่อการรักษาทั่วไป
อาการแบบไหนจึงควรไปพบแพทย์
หากพบอาการของผิวหนังอักเสบในลักษณะต่อไปนี้ อย่ารอช้าและควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาทันที
รู้สึกเจ็บที่ผิวหนังหรือมีอาการคันรบกวนจนทำให้นอนไม่หลับ หรือเกิดปัญหาในการทำกิจวัตรประจำวัน
เมื่อรักษาด้วยยาที่หาซื้อได้เองทั่วไปแล้วยังไม่ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์
เกิดตุ่มหนองบนแผ่นผิวหนังที่มีอาการอักเสบ อาจแสดงถึงการติดเชื้อแบคทีเรีย และควรต้องได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ
บริเวณที่เกิดการอักเสบของผิวหนังมีตุ่มน้ำเล็ก ๆ ทำให้รู้สึกเจ็บอยู่จำนวนมาก โดยอาจเป็นการติดเชื้อเริมที่เกิดในผู้ป่วยโรคผิวหนัง แม้จะพบได้ไม่บ่อย แต่ก็สามารถทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้จากการติดเชื้อไวรัสโรคเริมได้
มีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคผิวหนังติดเชื้อจากไวรัสระหว่างที่เกิดภาวะผิวหนังอักเสบ เช่น เริมที่ปาก หรือเริมที่อวัยวะเพศ เนื่องจากการมีภาวะผิวหนังอักเสบอยู่แล้วจะยิ่งเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อโรคเริม
โรคผิวหนังอักเสบอาจเกิดได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ควรหมั่นสังเกตุอาการและดูแลป้องกันอย่างสม่ำเสมอด้วยวิธีง่าย ๆ โดยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว จะช่วยเสริมเกราะป้องกันให้ผิวแข็งแรง และลดสาเหตุของการเป็นโรคผิวหนังอักเสบได้ในระยะยาวด้วย